โรคไขข้อกระดูกเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างไร?

 สุนัขพันธุ์ใดมีโอกาสเสี่ยงสูง?

ผู้รักสุนัขหลายคนโดยเฉพาะผู้ชื่นชอบสุนัขพันธุ์ขนาดใหญ่ หรือพันธุ์ขนาดเล็กบางพันธุ์ คงเคยประสบปัญหาสุนัขป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับกระดูกข้อต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตของสุนัขและเจ้าของไม่มากก็น้อย เจ้าโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อต่างๆที่ว่านั้น เป็นได้ทั้งโรคข้อเสื่อม ไขข้อเสื่อม ที่ต่างก็หมายถึงการเสื่อมของข้อต่อจุดใดๆก็ตามในร่างกาย อาทิ ข้อสะโพก ข้อเข่า เป็นต้น

ซึ่งสัตวแพทย์จากคลินิกข้อและกระดูก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจะมาช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อให้เจ้าของรู้จักและหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงของคุณว่า เข้าข่ายเจ็บป่วยด้วยโรคนี้หรือไม่ โดยสาเหตุของโรคนี้มีหลายเหตุปัจจัยด้วยกัน แต่สาเหตุหลักเกิดจากพันธุกรรม ถัดมาเป็นการเสื่อมตามอายุขัย และปัจจัยอาการและสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยง เช่น ในรายสุนัขพันธุ์ขนาดเล็ก เจ้าของมักชอบให้แคลเซียม ในกรณีที่สุนัขไม่มีความจำเป็นต้องได้รับเพิ่ม เพราะสุขภาพแข็งแรงอยู่แล้ว ซึ่งมีแนวโน้มทำให้เกิดโรคข้อเสื่อมได้ อันเนื่องจากการได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุล

สำหรับสุนัขที่มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้นั้น ที่พบมากในเมืองไทย เช่น โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เยอรมัน เชฟเฟอร์ด รวมถึงสุนัขพันธุ์ขนาดเล็กอย่างปอมเมอราเนียน ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย แต่ส่วนมากมักพบอาการชัดเจนในสุนัขพันธุ์ใหญ่ เนื่องจากข้อต่อต่างๆต้องรับน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก เมื่อเกิดปัญหาในสุนัขพันธุ์ใหญ่ จึงมักพบว่า ตัวที่มีอาการรุนแรงจะไม่สามารถลุกหรือเดินได้เป็นปกติ

สัตวแพทย์คลินิคข้อและกระดูก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ยังมีวิธีป้องกันสุนัขของคุณให้ห่างไกลโรคนี้ อันดับแรกคือ การคัดเลือกสายพันธุ์ โดยต้องรู้ประวัติพ่อแม่พันธุ์ว่า มีประวัติเป็นโรคนี้หรือไม่ เพื่อให้เกิดความมั่นใจระดับหนึ่ง เมื่อรู้แล้วว่า สายพันธุ์ที่คุณเลือกที่จะเลี้ยงมีความเสี่ยง ควรปรับพฤติกรรมการเลี้ยงดูให้อาหารที่มีประโยชน์ โดยยึดหลักต้องมีความสมดุลกับร่างกาย นอกจากนี้ เจ้าของยังต้องให้อาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ วัย และกิจกรรมของสุนัข ขณะเดียวกัน สิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดู ต้องดูว่าคุณเลี้ยงสุนัขบนพื้นห้องลื่นหรือไม่ และไม่ปล่อยให้ขนที่ฝ่าเท้าสุนัขยาวเกินไป จะทำให้ลื่น เดินลำบาก มีผลต่อข้อต่อต่างๆของขาได้

แล้วถ้าสุนัขของคุณเป็นโรคนี้แล้ว จะทำอย่างไร? สัตวแพทยคลินิคข้อและกระดูก โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อบอกว่า โรคข้อเสื่อมส่วนใหญ่เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากมีความผิดปกติของโครงสร้างข้อต่อแล้ว ส่วนแนวทางการการรักษาโรคดังกล่าวนั้น แบ่งออกเป็น 


1.การรักษาแบบประคับประคองอาการ โดยให้ยาลดอาการปวด หรือการใช้อุลตราซาว การกระตุ้นไฟฟ้า หรือการฝังเข็ม เพื่อลดอาการปวด 
2.การทำกายภาพฟื้นฟู โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างกล้ามเนื้อ การขยับข้อต่อให้สามารถใช้งานขาหรือข้อต่อนั้นๆ ได้อย่างปกติ ซึ่งอาจใช้การว่ายน้ำ การเดินลู่วิ่งในน้ำเป็นตัวช่วยในการฟื้นฟู 
3.การผ่าตัด ในบางรายที่อาจต้องทำการผ่าตัดในการรักษา เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เจ้าของควรต้องสังเกตสุนัขของคุณดูว่า มีอาการผิดปกติอย่างไรบ้าง จะได้พาไปพบแพทย์รักษาได้ทัน ถ้าปล่อยไว้สุนัขาอาจต้องทนทุกข์ทรมานไปอีกนาน

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ EPA

หลังได้ทำความรู้จักกับโรคไขข้อกระดูกเสื่อมกันไปแล้ว ส่วนหนึ่งของการรักษาจะมีเรื่อง EPA เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งสัตวแพทย์คลินิคข้อและกระดูกโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ อธิบายว่า EPA ที่ว่าคือ Eicosapentaenoic acid เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์ต้าน หรือ ลดการอักเสบของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นส่วนผสมในอาหารหรือผลิตภัณฑ์ยาบำรุงข้อ ซึ่งส่วนใหญ่มักจัดอยู่ในกลุ่มยาบำรุง หรือ Phamaceutical product ซึ่งมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย แต่ในบางรายอาจ ต้องอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ เช่น ในสัตว์ป่วยที่มีปัญหาโลหิตจาง

ทั้งนี้ ตามปกติเราสามารถพบสารเหล่านี้ได้ในอาหารจำพวกปลาทะเล อาทิ แซลมอน ทูน่า เทร้าส์ และแมคคอเรล โดย EPA นั้น มีความสำคัญกับไขข้อกระดูกสุนัขในการช่วยลดการอักเสบของข้อโดยเฉพาะบริเวณกระดูกอ่อน ด้วยการไปลดเอ็นไซน์ที่มาทำลายข้อต่อ ส่วนการนำ EPA ที่ว่ามาใช้นั้น นอกเหนือจากการรับประทานจากอาหารประจำวันแล้ว ควรปรึกษาสัตว์แพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัยต่อสุนัขที่คุณรัก

เมื่อน้องหมามีกลิ่นปาก

สาเหตุและวิธีแก้กลิ่นปากน้องหมา      … สำหรับคุณๆ ทั้งหลายที่หลงรักเจ้าสี่ขาหน้าขนอย่างน้องหมาแล้ว คงทราบกันดีว่าถึงแม้ว่าความน่ารักของเจ้าตูบจะชวนให้เราอยากกอดรัดฟัดเหวี่ยงมากแค่ไหน แต่อยู่ใกล้ๆ (แบบ close upสุดๆ) ที่ไร เป็นต้องผงะทุกที ก็จะอะไรซะอีกล่ะ นอกจาก “กลิ่นปาก” มหากาฬของน้องหมานั่นเอง เรียกว่าทำเอาหลายคนหมดอารมณ์เล่นกับเจ้าตูบกันเลยทีเดียว       แหม!  ก็ ใช่ว่าจะมีแต่คนที่มีกลิ่นปาก น้องหมาเค้าก็มีได้เหมือนกัน สำหรับเรื่องของกลิ่นปากของน้องหมานั้นก็ถือเป็นปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งที่ บรรดาคุณๆ คนรักหมาทั้งหลายกลุ้มใจ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่เลี้ยงน้องหมาไว้ในบ้านหรือให้นอนในห้องนอนด้วยกันแล้ว ด้วยล่ะก็ คุณคงไม่อยากนั่งหรือนอนดมกลิ่นปากตุๆ (-*-!) ของเจ้าตูบใช่ไหมล่ะ        แล้วแบบนี้เราควรจะจัดการกับกลิ่นปากของเจ้าตูบยังไงดีนะ …     ก่อนที่เราจะหาทางแก้ปัญหากลิ่นปากให้น้องหมาได้นั้นก่อนอื่นเราจะต้องทราบก่อนว่า สาเหตุของกลิ่นนั้นเกิดขึ้นจากอะไร     สาเหตุแรก กลิ่นปากที่อาจเกิดจากการให้น้องหมากินอาหารสดหรืออาหารเปียก ซึ่งมักจะมีแบคทีเรียในปากที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และยังทำให้เกิดหินน้ำลายติดตามฟันของน้องหมาอีกด้วย นี่ล่ะคือสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นปาก วิธีแก้ไขง่ายๆ ก็คือ การเปลี่ยนอาหารให้น้องหมากินอาหารเม็ดจะช่วยลดปัญหานี้ได้ค่ะ      สาเหตุที่สอง ถ้าน้องหมาของคุณมีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นไป หินน้ำลาย (หรือที่เรียกว่า "หินปูน" ซึ่งมีสาเหตุมาจากการตกตะกอนของเกลือฟอสเฟตในน้ำลายบนแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิวฟัน) ก็ อาจจะเป็นสาเหตุของกลิ่นปากของน้องหมาของคุณได้เช่นกันค่ะ และนอกจากทำให้เกิดกลิ่นปากแล้ว หินน้ำลายยังทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก ทำให้น้องหมาของเรากินอาหารไม่ค่อยได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยตามมา     ดังนั้นคุณผู้เลี้ยงทุกคนจึงควรพาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อกำจัดหินน้ำลายเป็นประจำทุกปีจะทำให้กลิ่นปากสุนัขลดลงได้ค่ะ      สาเหตุที่สาม กลิ่นปากที่เกิดจากการอักเสบในช่องปากและลำคอ หรือโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ถ้าสงสัยว่าสุนัขของคุณจะมีกลิ่นปากจากอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันทีเลยค่ะ      ทั้งสามข้อนี้เป็นสาเหตุหลัก ที่มักจะสร้างปัญหากลิ่นปากให้กับน้องหมาของคุณ เมื่อรู้ที่มาที่ไปของปัญหาแล้วที่นี้เราก็ต้องมาดูวิธีจัดการกลิ่นปากเหล่านี้กันค่ะ      ลองหาของกัดแทะให้กับน้องหมา หรือหาอาหารขัดฟันที่ทำขึ้นมาเฉพาะ วิธีนี้จะช่วยลดหินน้ำลายและอาการปากเหม็นของน้องหมาได้ค่ะ     ถ้าน้องหมาของคุณทานอาหารเม็ดผสมอาหารสด หรืออาหารกระป๋อง (โดยเฉพาะน้องหมาขนยาว) มักจะมีเศษอาหารติดตามคางขน ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นปากได้ คุณควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นๆ เช็ดปากเช็ดคางให้น้องหมาหลังจากทานอาหารเสร็จจะช่วยลดกลิ่นปากน้องหมาได้ ค่ะ     คุณต้องหัดให้น้องหมาแปรงฟันบ้าง เริ่มแรกคือให้ใช้ยาสีฟันสำหรับสุนัขค่ะ เพราะยาสีฟันสุนัขนอกจากจะไม่มีฟองทำให้ไม่ต้องล้างน้ำออกแล้ว ยาสีฟันสุนัขยังมีรสชาติต่างๆ ที่น้องหมาชอบด้วยค่ะ เช่น รสตับ รสมินต์ รสเนื้อ ต่อมาก็ลองเอายาสีฟันป้ายที่ฟันให้น้องเลียก่อนนะคะ ยาสีฟันสุนัขน้องหมาสามารถทานเข้าไปได้ค่ะ พอน้องหมาเลียแล้วรู้สึกว่าอร่อย น้องหมาก็จะเริ่มคุ้นกับยาสีฟันมากขึ้นค่ะ       จากนั้นพอน้องหมาเริ่มคุ้นแล้ว ก็นำยาสีฟันทากับนิ้วมือของคุณแล้วเอานิ้วมือแหย่เข้าปากเค้า คล้ายๆ กับใช้นิ้วมือเป็นแปรงน่ะค่ะ (แต่ต้องแน่ใจก่อนนะคะว่าน้องหมาไม่ดุ เดี๋ยวงับเอานิ้วไป -*-) พอน้องหมาเริ่มชิน ก็เริ่มใช้แปรงสีฟันกับเค้าค่ะ     แปรงสีฟันสำหรับน้องหมามีทั้งแบบสวมนิ้วเป็นเหมือนปลอกนิ้วกับแปรงที่เป็นแปรงสีฟันเหมือนของคน ผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัด จากนั้นก็บีบยาสีฟันลงที่แปรง แล้วก็เริ่มแปรงให้น้องหมาการแปรงฟันในครั้งแรกๆ น้องหมาอาจจะขัดขืนนิดหน่อย แต่พอทำบ่อยๆ เดี๋ยวเค้าก็ชินไปเองล่ะค่ะ       เอาล่ะค่ะ ได้ทราบถึงต้นตอของปัญหาและวิธีการดูแลที่ถูกต้องแล้ว ทีนี้ก็เหลือแต่กลับไปจัดการกับเจ้าตัวแสบที่บ้านแล้วล่ะค่ะ อยากปากหอมน่ากอดก็ต้องทนหน่อยนะเจ้าตูบ

Like Dog

วิธีการอาบน้ำดูแลขนน้องหมาพันธุ์เล็ก

     น้องหมาที่บ้านของเพื่อน ๆ  ชอบการอาบน้ำกันหรือเปล่าคะ แล้วเพื่อนๆ อาบน้ำให้น้องหมาบ่อยแค่ไหน เพื่อน ๆ รู้หรือเปล่าว่าเราไม่ควรอาบน้ำให้น้องหมาบ่อยจนเกินไป เพราะการอาบน้ำบ่อยจนเกินไปอาจจะทำให้น้ำมันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของน้องหมาหายไป ผิวหนังของน้องหมาจะแห้ง ทำให้เป็นโรคผิวหนัง และอาจจะทำให้ขนของน้องหมาไม่เงางาม ในหนึ่งสัปดาห์เพื่อนๆ อาจจะอาบน้ำให้น้องหมาเพียง 1 ครั้งก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ  หรืออาจจะดูที่ความเหมาะสม อย่างในกรณีที่น้องหมาไปเล่นซนจนสกปรกและไม่สามารถเช็ดออกได้หมด เพื่อนๆ ก็สามารถอาบน้ำให้น้องหมาได้นะคะ

 

     เพื่อน ๆ ควรจะเริ่มอาบน้ำให้น้องหมาตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะจะช่วยให้น้องหมาคุ้นเคยกับการอาบน้ำได้เร็วขึ้น โดยอายุที่เหมาะสมคือ 2 เดือนขึ้นไป และเพื่อน ๆ ควรจะทำให้การอาบน้ำของน้องหมาเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน น้องหมาจะชื่นชอบ และไม่กลัวการอาบน้ำ นอกจากนี้เราควรเลือกสถานที่อาบน้ำให้เหมาะสม น้องหมาพันธุ์เล็กจะใช้พื้นที่ในการอาบน้ำไม่มากนัก อาจจะให้น้องหมาอาบในอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้าในห้องน้ำ หรือในกรณีที่อยากให้อาบน้ำกลางแจ้งเพื่อรับแสงแดดอ่อนๆ แต่ต้องไม่อยู่ในที่ๆ มีลมแรงๆ เพราะน้องหมาอาจจะเกิดอาการหนาวและสั่นได้ และอาจจะใช้กะละมังเล็กๆ ที่น้องหมาสามารถลงไปยืนโดยไม่กระโดดหนีออกมาก็ได้ ที่สำคัญเพื่อนๆ ควรจะปูแผ่นยางกันลื่นรองอ่างหรือกะละมังขณะอาบน้ำ น้องหมาจะได้รู้สึกปลอดภัยและยอมอาบน้ำโดยไม่ขัดขืนด้วยค่ะ

 

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนอาบน้ำ

     เพื่อน ๆ คนไหนที่เลี้ยงน้องหมาพันธุ์เล็กขนยาว ขั้นตอนแรกก่อนการอาบน้ำ เพื่อน ๆ ควรจะเช็คสภาพขนของน้องหมาก่อนว่าขนของน้องหมาเป็นสังกะตังหรือมีขนที่พันกันหรือไม่ ด้วยการใช้แปรงแบบไม่มีหมุดแปรงขนก่อนจะจับน้องหมาอาบน้ำทุกครั้ง ถ้าน้องหมาของเรามีสังกะตังเยอะมาก ๆ แล้วไม่สางออกก่อน เวลาอาบน้ำสังกะตังจะแน่นมากขึ้น เวลาสางอีกครั้งจะทำให้น้องหมาเจ็บ และจะเข็ด ไม่ยอมให้จับตัวหรือแปรงขน พยายามแปรงขนน้องหมาให้ทั่ว จากขาหลังมาขาหน้า บริเวณใต้ท้อง ใต้รักแร้ หลังหู และก้นของน้องหมา ส่วนน้องหมาพันธุ์เล็กที่ขนสั้น เพื่อน ๆ อาจจะใช้แปรงสำหรับสุนัขขนสั้น แปรงขนของน้องหมาก่อน เพื่อขจัดขนที่ผลัด และขจัดสิ่งสกปรกที่ติดขนก่อนอาบน้ำ อย่าลืมเอาสำลีมาอุดหูทั้ง 2 ข้างของน้องหมา เพื่อกันน้ำไม่ให้เข้าหูของน้องหมาด้วย

 

จุดสังเกต

     ควรเล็มขนส่วนเกินออกก่อน เพื่อเป็นการประหยัดแชมพู และลดเวลาในการเป่าขนให้แห้ง เช่น บริเวณซอกนิ้วใต้ฝ่าเท้า ใต้ท้อง และรูก้นของน้องหมา... ถ้าปล่อยให้ขนซอกนิ้วใต้ฝ่าเท้ายาวมากเกินไป เวลาน้องหมาเดินหรือวิ่ง จะทำให้น้องหมาลื่น และจะส่งผลทำให้เป็นโรคสะบ้าเคลื่อนได้ ถ้าเพื่อนๆ ใช้กรรไกรในการเล็มขนของน้องหมา ควรใช้ความระมัดระวังในการเล็มขนน้องหมาบริเวณซอกนิ้ว เพราะเวลาเล็มกรรไกรอาจจะไปตัดโดนเนื้อของน้องหมาได้

การเลือกแชมพูที่เหมาะกับน้องหมา

     อย่างแรกก็ดูที่ค่า pH ค่ะ แชมพูสำหรับน้องหมาที่ดีควรจะมี pH ที่ใกล้เคียงกับผิวของน้องหมา คราวนี้เราก็ต้องเลือกแชมพูที่เหมาะกับสภาพขนและผิวของน้องหมาของเรา

     - สำหรับสุนัขขนยาว
     เพื่อนๆ ไม่ควรใช้สบู่อาบน้ำสำหรับน้องหมาแบบก้อนกับน้องหมาขนยาวนะคะ เพราะจะทำให้ขนฟูกระด้าง แถมอาจจะพันกันได้ง่ายด้วยล่ะค่ะ ... ปกติแล้วน้องหมาขนยาวเค้าจะมีผิวหนังที่บอบบางมาก การอาบน้ำให้เขาไม่ควรจะอาบบ่อย อาบแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอค่ะ และควรแปรงขนบ่อยๆ เพื่อให้ขนที่หมดสภาพและฝุ่นผงทั้งหลายหลุดออกมา

     แชมพูที่ใช้อาบน้ำควรจะเป็นแชมพูสูตรที่อ่อนโยนที่สุด น้องหมาที่ขนยาวต้องมีการบำรุงขนเป็นพิเศษ ควรจะใช้ครีมนวดหรือคอนดิชั่นเนอร์ หลังจากอาบด้วยแชมพูด้วยนะคะ การเลือกคอนดิชั่นเนอร์ ก็เลือกแบบที่ล้างออกได้ง่าย ช่วยให้เส้นขนไม่พันกันได้ดี มีเนื้อครีมที่ค่อนข้างละเอียด อย่าเอาไปใช้กับคนใกล้ตาหรือปากเขานะคะ เพราะอาจเกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้ค่ะ

     - สำหรับสุนัขขนสั้น
     น้องหมาขนสั้นผิวหนังจะค่อนข้างสกปรกได้ง่ายกว่าน้องหมาขนยาว ดังนั้นการอาบน้ำให้น้องหมาขนสั้นควรมีแปรงยางช่วยทำความสะอาดด้วย เพื่อจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ติดตามผิวหนังออกให้หมดค่ะ แชมพูที่จะเลือกใช้ก็เหมือนกันควรมี pHแชมพูที่ใช้ สำหรับน้องหมาที่ผิวหนังแพ้ง่าย อย่างพวก ชาเป่ย ปั๊ก ควรจะเป็นแชมพูสูตรอ่อนบาง แต่ถ้าเป็นน้องหมาที่มีกลิ่นตัวแรง อาจจะใช้เป็นแชมพูระงับแบคทีเรีย หรือใช้เป็นสบู่อาบน้ำเป็นก้อนก็ได้ค่ะ

     แชมพูกำจัดเห็บหมัด ถ้ามีเป็นสูตรสมุนไพร แนะนำให้ใช้สูตรสมุนไพรค่ะ เนื่องจากสารเคมีที่ใช้กำจัดเห็บหมัดก็อยู่ในกลุ่มพวกยาฆ่าแมลง ถึงแม้ว่าจะเป็นเคมีที่วิจัยออกมาแล้วว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้และสัตว์เลี้ยง แต่ก็จะเป็นสารเคมีกลุ่มที่อาจจะตกค้าง แล้วก่อให้เกิดอันตรายได้ ถ้าเลือกได้ก็ควรเลือกที่เป็นสมุนไพรค่ะ หรือถ้าเลือกใช้แชมพูที่ไม่ใช่สูตรสมุนไพร ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ฉลากเขียนว่าปลอดภัยต่อคนและสัตว์เลี้ยง เชื่อได้ไม่ได้ยังไง ก็ยังมีเขียนรับรองไว้หน่อย เพื่อความสบายใจ การกำจัดเห็บหมัด จะต้องฆ่าเห็บหมัดที่ที่อยู่อาศัยเขาด้วยนะคะ

ขั้นตอนการอาบน้ำให้น้องหมาพันธุ์เล็ก

     การอาบน้ำให้น้องหมา ควรใช้น้ำอุ่นเพราะถ้าใช้น้ำเย็นน้องหมาอาจจะไม่สบายได้ ยกเว้นกรณีที่น้องหมาเป็นโรคผิวหนังควรจะใช้น้ำเย็น ในการอาบน้ำให้เริ่มฉีดน้ำเบา ๆ จากขาหลังไปหาหัวของน้องหมา เพราะน้องหมาจะได้ปรับสภาพกับอุณหภูมิของน้ำก่อน หลังจากน้องหมาเปียกน้ำจนทั่วแล้ว ให้ใส่แชมพูที่เจือจางกับน้ำแล้วลูบให้ทั่วตัวและในที่ที่มักจะมองผ่าน เช่น ระหว่างซอกนิ้ว อุ้งเท้า หลังใบหู และใต้คาง ในกรณีน้องหมาขนยาว ไม่ควรขยำหรือขยี้ขนของน้องหมา เพราะจะทำให้ขนของน้องหมาพันกันและเป็นสังกะตังได้หลังอาบน้ำ ให้ใช้มือลูบแทน และไม่ควรใช้เล็บเกาผิวหนังของน้องหมาแรง ๆ เพราะอาจจะเกิดแผลที่ผิวหนังของน้องหมา อาจจะใช้แปรงอาบน้ำแทนก็ได้ หลังจากที่ฟอกแชมพูทั่วแล้ว ให้ล้างแชมพูออกและควรล้างแชมพูให้หมด ถ้าเจ้าของล้างแชมพูไม่หมด น้องหมาอาจจะระคายเคือง และทำให้เป็นโรคผิวหนังได้ ควรระวังอย่าให้แชมพูหรือน้ำเข้าตาและหูของน้องหมา เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง และอาจเกิดการอักเสบได้ค่ะ

 

ข้อควรระวังในการอาบน้ำสุนัขพันธุ์เล็กหน้าสั้น

     น้องหมาหน้าสั้นจะมีปัญหาเรื่องตาและระบบหายใจ ดังนั้นเวลาอาบน้ำน้องหมาหน้าสั้น สิ่งที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษก็ควรจะเป็นเรื่องการระวังไม่ให้น้ำเข้าตาและ จมูก เวลาอาบน้ำน้องหมาหน้าสั้น เพื่อน ๆ อาจจะฉีดน้ำเบา ๆ และฟอกแชมพูแค่เพียงลำตัวถึงคอ ส่วนใบหน้าของน้องหมาอาจจะหาผ้าชุบน้ำบิดหมาดหรือสำลีเช็ดทำความสะอาดแทนการ ใช้น้ำ และควรใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง ในกรณีที่น้องหมาหน้าสั้นดิ้นหรือขัดขืน พยายามจะหนีการอาบน้ำ เจ้าของไม่ควรดึงบริเวณหนังคอของน้องหมาไปทางด้านหลังมากๆ เพราะอาจจะเกิดอันตราย ทำให้ดวงตาของน้องหมาหลุดออกมาจากเบ้าได้

 

หลังการอาบน้ำ

     เพื่อน ๆ ควรเช็ดตัวน้องหมาให้แห้งสนิทและควรแปรงขนทุกครั้ง น้องหมาที่ขนสั้นอาจจะใช้หนังชามัวร์ แปรงขนหมู หรือแปรงหมุด แปรงขนน้องหมา เพื่อเป็นการนวดผิวหนังและขจัดขนผลัดที่ยังออกไม่หมด และยังเป็นการทำให้เส้นขนของน้องหมาเงางามอีกด้วย

 

     ส่วนน้องหมาที่ขนยาว การเป่าขนด้วยไดร์เป่าผมก็จะช่วยให้ขนที่อยู่ด้านในของน้องหมาแห้งสนิท แต่ก็ไม่ควรใช้ลมที่ร้อนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวของน้องหมาแห้งได้ น้องหมาบางตัวอาจจะกลัวเสียงไดร์เป่าผม ดังนั้นเราควรจะเริ่มเป่าขนจากส่วนหางของน้องหมาก่อน เพื่อให้น้องหมาชินกับเสียงของไดร์ และค่อยๆ ไล่ขึ้นมาที่หัว ไม่ควรใช้ไดร์เป่าขนใกล้น้องหมามากเกินไป ให้ทิ้งระยะห่างสักหน่อย และไม่ควรเป่าที่เดียวนานๆ เพราะน้องหมาจะร้อนและแสบผิวหนังได้ เมื่อเป่าขนแห้งสนิท น้องหมาขนยาวก็ต้องแปรงขนเช่นเดียวกับน้องหมาขนสั้น เพื่อนวดผิวหนัง ขจัดขนที่ผลัด และขนของน้องหมาก็จะเรียงตัวสวยไม่พันกันเป็นสังกะตังด้วยนะคะ

ข้อแนะนำ
 

     หลังการอาบน้ำ เล็บของน้องหมาจะนิ่ม หากเล็บของน้องหมาเริ่มยาว เพื่อนๆ ควรจะตัดออก เพราะหากเล็บของน้องหมายาวเกินไปก็อาจจะทำให้น้องหมาเดินไม่ถนัด และเล็บของน้องหมาที่ยาวก็อาจจะทิ่มเข้าไปในเนื้อทำให้น้องหมาเจ็บได้ค่ะ



     เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่า นอกจากการอาบน้ำ การดูแลขน และการตัดเล็บให้น้องหมาแล้ว ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปนั่นก็คือ การดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของน้องหมาด้วยนะคะ หากเพื่อนๆ หมั่นดูแลความสะอาดของน้องหมาเป็นประจำ น้องหมาก็จะไม่เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค แถมยังจะทำให้น้องหมาของเพื่อนๆ น่ารัก น่ากอดอีกด้วยนะคะ ^^

อาหารแต่ละเกรดแตกต่างกันนะคะ

การเลือกอาหารที่เหมาะกับสุนัขของคุณ

     การเลือกอาหารให้สุนัข เรื่องนี้ฟังดูเผินๆ แล้ว อาจจะคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เลี้ยงสุนัขมาเป็นเวลานาน ... หลายคนอาจจะคิดว่า การเลือกอาหารให้สุนัขนั้นเป็นเรื่องง่ายๆ ดูจากโฆษณาแล้วไปหาซื้อตามซุปเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านเพ็ทช็อปก็ได้ แถมยังมีให้เลือกตั้งหลายรส หลายยี่ห้อ ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจชอบเลย

     เราต้องยอมรับว่าโฆษณาอาหารสุนัขต่างๆ ที่เราเห็นตามสื่อนั้น มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้เลี้ยงสุนัข ซึ่่งอาจจะเป็นเพราะ ความถี่ในการโฆษณา ที่ยิ่งโฆษณาบ่อยครั้งเท่าไหร่ ยิ่งสร้างความจดจำให้ผู้บริโภคมากเท่านั้น , พรีเซ็นเตอร์สินค้า อาจะเป็นดาราที่กำลังมีชื่อเสียงและได้รับความนิยม หรือจะเป็นเรื่องของสโลแกนของผลิตภัณฑ์ที่ฮิตติดปาก และง่ายต่อการจดจำ ...

แต่จริงๆ แล้วการเลือกซื้ออาหารให้สุนัขนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ 'เลือกยังไงก็ได้ตามใจ(เจ้าของ)ชอบ' ก็ได้นะคะ ... เพราะเรื่องของโภชนาการมีผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกายของสุนัข ดังนั้นการเลือกอาหารก็มีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะมีส่วนทำให้สุนัขมีร่างกายที่แข็งแรงหรืออาจจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ก็ได้

     ด้วยเหตุนี้เองทำให้ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องศึกษาถึงเรื่องของสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายสุนัขจริงๆ มากกว่าที่จะฟังจากข้อความโฆษณาจากสื่อต่างๆ เท่านั้น ... เพราะถ้าหากฟังจากโฆษณาเราก็จะได้ข้อมูลเพียงแค่ว่า "เป็นอาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยม ผลิตจากเนื้อสัตว์ที่ให้คุณค่าทางอาหารสูง สุนัขกินแล้วจะโตไว มีร่างกายแข็งแรง" ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ หากลองมาพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าผู้เลี้ยงสุนัขตัดสินใจซื้ออาหารจากคุณสมบัติในโฆษณา โดยที่ไม่ดูองค์ประกอบอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต , สารปรุงแต่งต่างๆ , ขั้นตอนการผลิต ฯ ก็อาจจะทำให้ได้อาหารสุนัขที่ไม่มีคุณภาพกลับไปก็ได้

     ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยให้ผู้เลี้ยงมีข้อมูลที่จำเป็นในการเลือกอาหารสุนัขมากขึ้น วันนี้มะเหมี่ยวก็มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของอาหารสุนัขแต่ละเกรดมาฝากเพื่อนกันค่ะ ไปดูกันดีกว่าว่าอาหารสุนัขแต่ละเกรดจะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และอาหารสุนัขเกรดไหนที่มีคุณภาพมากที่สุด

     สำหรับอาหารสุนัขสำเร็จรูปยี่ห้อต่างๆ ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบันนั้น ค่อนข้างมีความหลากหลายโดยอาศัยคุณภาพของวัตถุดิบเป็นเกณฑ์ค่ะ
 

1. อาหารสุนัข  Economic Grade หรือ Standard Grade

     เป็นอาหารสุนัขสำเร็จรูปเกรดมาตรฐาน โดยจะผ่านการผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐาน มีการรับรองจากกรมปศุสัตว์ ใช้วัตถุดิบหลากหลายในการประกอบสูตรอาหาร เช่น ข้าวเจ้า, ข้าวสาลี, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, เนื้อไก่, เนื้อวัว, น้ำมันพืช, วิตามินและแร่ธาตุ อาจจะมีการเสริมวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์นอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก (Feed additive) เช่น วิตามิน, กรดอะมิโน, แร่ธาตุ, เอนไซม์, สารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์, สารแต่งกลิ่น-รส, สารให้สี ฯลฯ ลงไปเพื่อเพิ่มคุณภาพของอาหารให้สูงขึ้น ราคาอาหารสุนัขเกรดมาตรฐานจะอยู่ในระดับปานกลาง ไม่สูงจนเกินไป หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านเพ็ทช็อป ทั่วไปค่ะ

 

2. อาหารสุนัข Premium Grade

     เราจะได้ยินคำว่า "พรีเมียม" ในโฆษณาอาหารสุนัขในปัจุบันบ่อยๆ สำหรับอาหารสุนัขเกรดพรีเมียมเป็นอาหารที่ผ่านการรับรองจากกรมปศุสัตว์และหน่วยงานจากต่างประเทศ เช่น AAFCO (Association of American Feed Control Officials) โดยจะมีราคาสูงกว่าอาหารสุนัขเกรดอิโคโนมิค เพราะจะใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพมากกว่า โดยวัตถุดิบในการผลิตส่วนใหญ่จะมีแหล่งโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ เช่น โปรตีนจาก เนื้อไก่ , เนื้อวัว , เนื้อแกะ , วิตามิ น , แร่ธาตุ ฯลฯ แต่ทั้งนี้ อาจจะมีการใช้วัตถุดิบที่เหลือจากการผลิต (By product) เช่น ปิก , เอ็น , หัว, กระดูก , เครื่องใน ฯ  มาผสมบ้างเล็กน้อย

     นอกจากนี้อาหารสุนัขเกรดพรีเมียมยังมีการเสริมวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์นอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก (Feed additive) ที่มีคุณภาพสูงไปในอาหาร เพื่อให้มีสารอาหารครบถ้วนมายิ่งขึ้น ซึ่งอาหารเกรดพรีเมียมนี้ก็จะได้รับการรับรองถึงปริมาณสารอาหารที่อยู่ในถุง และมีส่วนผสมครบถ้วนตามที่อ้างอิงไว้  รวมไปถึงมีการบอกถึงวัน เดือน ปี ที่ผลิและวันหมดอายุของสินค้า และมีที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อผู้ผลิตด้วย

     ส่วนอาหาร Super Premium Grade นั้น มีความแตกต่างจากอาหารเกรดพรีเมียมเล็กน้อย โดยจะเน้นความละเอียดในการคัดเลือกวัตถุดิบให้ดียิ่งขึ้น (ไม่มีการใช้วัตถุดิบที่เหลือจากการผลิตมาเจอปน) เพิ่มกรดไขมันที่ดีขึ้น ใช้แร่ธาตุที่่ผ่านการสังเคราะห์เพื่อให้ดูดซึมง่าย ซึ่งในส่วนของราคาก็จะเพิ่มขึ้นจากราคาปกติ ประมาณ 20-30% ค่ะ

 

3. อาหารสุนัข Holistic Grade

     ผู้เลี้ยงสุนัขที่อยากให้สุนัขโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงอาจจะคุ้นเคยกับอาหารสุนัขสูตรนี้ดี เพราะอาหารสุนัขเกรดโฮลิสติกเป็นอาหารสุนัขที่มีส่วนผสมของอาหาร เช่น โปรตีนจากเนื้อไก่ แกะ และปลาเเซลมอน หรือ อื่นๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเกรดพรีเมี่ยม คือ เป็นอาหารธรรมชาติปลอดสารเคมี มีกรดอะมิโนต่างๆ ที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อและพัฒนาการของสุนัขเพื่อให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น (ในบางยี่ห้ออาจจะมีส่วนผสมของ กรดไขมัน ประเภทดีเอชเอ อีกด้วยคะ) นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของพืชที่มีประโยชน์ และวิตามินบางตัว เพื่อให้อาหารนั้นมีคุณค่าครบถ้วนค่ะ

     ปัจจุบันอาหารสุนัขเกรดโฮลิสติก จะแบ่งออกเป็นหลายๆ สูตร เช่น สูตรบำรุงรักษาผิวหนัง และขน สำหรับสุนัขที่ต้องการขนสวยมากๆ ก็จะใส่ส่วนผสมที่มีคุณค่าด้านผิวหนัง และขนมากกว่า ส่วนผสมอื่นๆ (ซึ่งส่วนผสมด้านอื่นๆ จะน้อยลงไป) อาหารสุนัขสูตรนี้มีราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียวล่ะค่ะ แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มกับคุณภาพของอาหารนะคะ

 

4. อาหารสุนัข Ultra Holistic Grade

     อาหารสุนัขเกรดอัลตรา โฮลิสติก จะให้คุณค่าทางอาหารมากกว่าเกรด โฮลิสติก เพราะวัตถุดิบที่ใช้ผลิตอาหารเกรดนี้ จะเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบส่วนที่มีคุณค่ามากที่สุด เช่น เนื้อแกะ แต่ละส่วนจะมีคุณค่าทางอาหารไม่เท่ากัน ในการผลิตอาหารสุนัขเกรดอัลตรา โฮลิสติก จะเลือกใช้เนื้อแกะส่วนที่มีคุณค่ามากที่สุดมาเป็นวัตถุดิบ (อาหารสุนัขเกรดนี้ มีให้เลือกหลายสูตรเช่นเดียวกับอาหารสุนัขเกรดโฮลิสติกค่ะ)


     นอกจากอาหารสุนัขทั้ง 4 เกรด นี้แล้ว ก็ยังมีอาหารสุนัขประเภท ORGANIC ที่วัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมของอาหารประเภทนี้เป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพเดียวกันกับอาหารคน โดยแหล่งที่มาของวัตถุดิบจะต้องผลิตโดยกระบวนการที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ถ้าหากเป็นพืชก็จะต้องเป็นพืชที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยเคมี ส่วนถ้าเป็นเนื้อสัตว์ก็จะต้องเป็นมาจากสัตว์ที่เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่มีการฉีดฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะต่างๆ 

     ในส่วนของขั้นตอนการผลิตจะต้องไม่ใส่สารปรุงแต่ง สารกันบูดหรือสารสังเคราะห์ต่างๆ ... จากคุณสมบัติทั้งหมดนี้ทำให้อาหารสุนัขประเภทออร์แกนิคเป็นอาหารที่มีเป็นธรรมชาติและมีความปลอดภัยสูง สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของสุนัขเป็นพิเศษ ทั้งนี้ อาหารสุนัขประเภทออร์แกนิคจะมีราคาสูงกว่าอาหารสุนัขทั่วไป 

     การแบ่งเกรดอาหารสุนัขตามคุณภาพเช่นนี้ จะทำให้ผู้เลี้ยงเห็นถึงความแตกต่างของอาหารสุนัขแต่ละเกรดว่ามีความแตกต่างกันตรงจุดไหนบ้าง และทำให้เห็นถึงคุณสมบัติของส่วนประกอบของอาหารสุนัขได้ชัดเจนมากขึ้นด้วยล่ะค่ะ ... เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ก่อนจะเลือกอาหารให้สุนัข เพื่อนๆ ก็ลองศึกษาความแตกต่างของอาหารหลายๆ ยี่ห้อดูนะคะ จะได้เห็นความแตกต่างทั้งในด้านคุณภาพและราคา เพื่อที่เราจะได้เลือกอาหารที่มีคุณภาพและเหมาะกับสุนัขของเรา ในราคาที่คุ้มค่ายังไงล่ะคะ